เมื่อวันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2556 เวลา 09.00-11.30 น. ภราดาอานันท์  ปรีชาวุฒิ ผู้อำนวยการ ได้จัดประชุมนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีคณะครูร่วมรับฟังเรื่องที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 ธันวาคม 2555 – 4 มกราคม 2556 ฉบับที่ 169 หน้าที่ 47 และในเวปไซด์ของผู้จัดการออนไลน์ในวันที่ 28 ธันวาคม 2555 เวลา 17.57น. คอลัมน์บ้านพระอาทิตย์ เรื่อง “ขายโรงเรียนอัสสัมชัญ” และในวันที่ 4 มกราคม 2556 เวลา 18.22น. เรื่องเหตุที่ครู “โรงเรียนอัสสัมชัญ แต่งชุดดำประท้วง” ซึ่งทั้งสองเรื่องเป็นข่าวที่เป็นเท็จและบิดเบือน มุ่งสร้างความสับสนให้กับนักเรียน  คณะครู ผู้ปกครอง และศิษย์เก่าที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงที่ถ่องแท้

        เพื่อนักเรียน ครู ผู้ปกครองและบุคคลทั่วไปที่ไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริงถึงการรวมโรงเรียนอัสสัมชํญ กับโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมตามตราสารจัดตั้ง (ความเป็นนิติบุคคล) ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550ได้ทราบข้อมูลที่ถูกต้องโรงเรียนจึงขอสร้างความกระจ่างกับคณะนักเรียนและคณะครูในการประชุมครั้งนี้และขอแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่ามูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทยในฐานะผู้รับใบอนุญาต ไม่มีความคิดที่จะขายโรงเรียนอัสสัมชัญแต่อย่างใด หรือแม้แต่จะโอนกิจการให้แก่ผู้ใด ขณะเดียวกันได้ทำความเข้าใจกับคุณครูแผนกประถมซึ่งอาจได้รับผลกระทบบ้างในการควบรวมโรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมเป็นโรงเรียนเดียวกัน เหตุมาจากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฯ พ.ศ.2542 และพระราชบัญญัติการศึกษาเอกชนพุทธศักราช 2550 ได้กำหนดให้โรงเรียนเอกชนมีสถานะเป็นนิติบุคคลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันโรงเรียนอัสสัมชัญและโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมต่างเป็นนิติบุคคล มีใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนของตนเอง ส่งผลให้โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมต้องดำเนินการจัดทำตราสารจัดตั้งและมีผลให้โรงเรียนทั้งสองแยกเป็นเอกเทศต่อกันในการบริหาร ด้วยเจตนารมณ์ของมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทยผู้ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาต (เป็นเจ้าของ) ไม่มีความประสงค์ที่จะแยกโรงเรียนทั้งสองออกจากกันแม้จะมีที่ตั้งอยู่ห่างกัน จึงมีนโยบายให้ศึกษาและหาแนวทางความเป็นไปได้ที่จะทำให้ถูกต้องตามกฎหมายและให้ทั้งสองโรงเรียนเป็นโรงเรียนเดียวกัน โดยใช้ชื่อว่า โรงเรียนอัสสัมชัญ เท่านั้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยมิได้ส่งผลกระทบต่อนักเรียน ผู้ปกครองและคณะครูโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมอีกทั้งในเรื่อง สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของครูและบุคลากรตลอดจนแนวทางการจัดการเรียนการสอน ฯลฯ ก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม
 
       ในกรณีการแต่งชุดดำของครูโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมบางท่านนั้น ขอเรียนว่ามิใช่ครูโรงเรียนอัสสัมชัญตามที่คอลัมน์บ้านพระอาทิตย์ของนายปานเทพ  พัวพงษ์พันธ์ อ้างถึงและมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทยไม่เคยมีนโยบายบังคับให้คุณครูลาออกจากโรงเรียนเลย เพราะยังเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้น ป.1 ถึง ม.6 เช่นเดิม ในสถานที่และคณะบุคลากรเดิม อย่างไรก็ตามเพื่อให้คุณครูของโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมมีความสบายใจและเพิ่มความเชื่อมั่นในเรื่องการควบรวมโรงเรียน และรับทราบเรื่องสิทธิประโยชน์ของตนเป็นการเฉพาะ มูลนิธิฯ/ผู้รับใบอนุญาตจึงได้แนะนำคณะผู้ร่วมบริหารของแผนกประถมเข้าพบผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนที่กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อไต่ถามข้อมูลที่มีความสงสัยต่างๆ ด้วยตนเองจากหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจกำกับโรงเรียนเอกชน โดยโรงเรียนอัสสัมชัญยืนยันว่าคุณครูทุกท่านจะต้องได้รับการดูแล และได้รับการบรรจุเป็นครูโรงเรียนอัสสัมชัญ และรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เหมือนเดิม รวมถึงการนับอายุการปฏิบัติงานต่อเนื่องต่อไปเมื่อการรวมโรงเรียนบรรลุผลตามตราสารจัดตั้งแล้ว

 ดังนั้นโรงเรียนอัสสัมชัญ ในนามของมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทยขอให้ท่านผู้ปกครอง นักเรียน และศิษย์เก่าโปรดใช้วิจารณญาณและอย่าหลงเชื่อการสร้างข่าวที่เป็นเท็จเพื่อหวังทำลายเกียรติภูมิและชื่อเสียงของโรงเรียน กรณีผู้ปกครองหรือศิษย์เก่าท่านใดมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2630-7111-25 ต่อ 422-423 ในวัน-เวลาราชการ